วิธีการดูแลแอร์รถยนต์อย่างไรให้เย็นฉ่ำอยู่ตลอดเวลา

วิธีการดูแลแอร์รถยนต์อย่างไรให้เย็นฉ่ำอยู่ตลอดเวลา

เมื่อฤดูร้อนมาถึง ระบบปรับอากาศรถยนต์ จะเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยคุณคลายร้อน เมื่อขับรถยนต์ในวันพิเศษของคุณ เว้นแต่ว่าหากอยากลดความอ้วน อันนี้ก็ขับรถชิวๆเปิดกระจกกินลม แต่ก็คงไม่ไหวอีกเพราะต้องผจญกับควันพิษมากมายในเมืองใหญ่

แล้วเราจะดูแลอย่างไรละหลายคนคงนึกอยากย้อนถาม เรื่องนี้อาจจะฟังดูยาก แต่ด้วยความที่ระบบแอร์รถยนต์นั้นเป็นระบบปิด  (หมุนเวียนภายในเท่านั้น) หากเราดูแลรักษาอย่างดี ก็จะไม่เกิดปัญหาตามมาแน่นอน

  1. เช็คน้ำยาแอร์รถยนต์   ในหน้าหนาวเราอาจจะไม่เคยรู้สึกร้อนอะไรมากมายนัก เพราะอากาศภายนอก ช่วยแบ่งเบาภาระการทำงานแอร์ไปส่วนหนึ่ง แต่เมื่อหน้าร้อนจะรู้สึกได้ทันทีว่าระบบแอร์รถยนต์มีปัญหาหรือไม่ โดยเฉพาะช่วงที่กำลังเปลี่ยนฤดู หากรถใครเย็นแบบชืดๆ ไม่ฉ่ำ ก็ได้เวลาเปิดฝากระโปรง ตรวจสอบระดับน้ำยาแอร์ได้แล้ว     การวัดและดูระดับน้ำยาแอร์นั้น สามารถดูได้ที่เครื่องกรองแอร์ ซึ่งอยู่ในบริเวณแผงระบายความร้อนทางด้านหน้าของรถ โดยเครื่องกรองแอร์หรือที่บางคนเรียกว่า Dryer นี้จะมีช่องตรวจสอบน้ำยา โดยสังเกตผ่านตาแมวที่เป็นกระจกใส ถ้าเริ่มเห็นฟองอากาศ แสดงว่าน้ำยาแอร์เริ่มน้อย กลับกันถ้าน้ำยายังเยอะอยู่กระจกจะค่อนข้างใส  ซึ่งโดยปกติแล้วเราต้องเติมน้ำยาแอร์ให้เป็นประจำทุกๆ 2 ปี

     

  2. ตรวจสอบและเช็ครอยรั่วของระบบแอร์รถยนต์ บางครั้งสาเหตุที่แอร์รถยนต์ของเราไม่เย็นนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากระบบเกิดรอยรั่ว ซึ่งโดยทั่วไประบบแอร์รถยนต์จะไม่สามารถรั่วเองได้ เว้น แต่จะมีการสึกหรอของอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นแผงระบายอากาศไปจนถึงโอริงตัวเล็กที่ประกบอยู่ระหว่างชุดท่อแอร์ข้างใน 

         การสังเกตว่าแอร์รถยนต์นั้นรั่วหรือไม่นั้นสามารถทำได้ง่ายๆ โดยดูจากรอยรั่วที่น้ำยากระทำต่อนวมแอร์ หรือมีคราบสกปรกในบริเวณต่างๆที่ใกล้กับท่อแอร์ ซึ่งคราบเหล่านี้เกิดจากน้ำยาแอร์ แต่กรณีที่รถของท่านเกิดไม่มีรอยน้ำยาเหล่านี้แต่น้ำยาแอร์พร่อง หาย อาจเป็นไปได้ 2 กรณี คือ น้ำยาแอร์ต่ำ หรือ อุปกรณ์ในระบบที่ไม่ใช่ชุดท่อแอร์รั่ว ซึ่งเราจำเป็นต้องติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญโดยตรง 

  3. ล้างแอร์รถยนต์ ปัจจุบัน การ ล้างแอร์รถยนต์ นั้น สามารถทำได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องถอดตู้แอร์ออกมาให้ยุ่งยากวุ่นวายอีกต่อไป โดยค่าใช้จ่ายส่วนใหญ้ต่อครั้งจะตกอยู่ที่ 1,000 – 1,500 บาท อาจจะทำครั้งละ 1 ปี ถือว่าไม่ใช่เงินที่เยอะเลย และนอกจากลมแอร์จะดีขึ้นแล้ว ยังช่วยรักษาสุขภาพของคุณและผู้โดยสารอีกด้วย 
  4. ไปเยี่ยมร้านที่รับซ่อมแอร์รถยนต์ หลังจากที่เราเช็คด้วยตัวเราเองแล้ว ก็ให้แวะไปหาช่างผู้ชำนาญการ เพื่อให้เขาตรวจสอบอีกครั้งเป็นการเช็คซ้ำ เพราะการที่เราเช็คด้วยตัวเองบางครั้งไม่ใช่ว่าจะรู้ไปเสียทั้งหมด การที่เราเช็คมาก่อนหน้านี้นั้น ช่วยให้เรารู้ถึงปัญหาก่อนที่จะเข้าร้านโดยตรง และแน่นอนจะไม่สามารถหลอกเราได้

  ทั้งหมดนี้ก็เป็นเทคนิคง่ายๆ ที่คุณสามารถเริ่มได้เลย ยังไงจำไว้ว่าทุกปัญหามีสัญญาณและทางแก้ไขอยู่แล้ว ขึ่นอยู่กับคุณจะว่าทำอย่างไร และดำเนินการได้เร็วหรือไม่ แค่นั้นเอง

7 Oct 2013
www.kiatrungsub.com